นิทานสองภาษาสำหรับเด็กๆ

นิทานสองภาษาสำหรับเด็กๆ  The Lion and the Mouse (สิงโตกับหนู)

Once when a Lion was asleep,
a little mouse began running up and down upon him;
this soon wakened the Lion,
who placed his huge paw upon him,
and opened his big jaw to swallow him.
Pardon, O King,”
cried the little Mouse;
forgive me this time,
I shall never forget it.
Who knows
what I may be able to do you a turn some of these days?”
The lion was so tickled at the idea of the Mouse
being able to help him,
that he lifted up his paw and let him go.
Some time after
the lion was caught in a trap,
and the hunters, who desired to carry him alive to the king,
tied him to a tree
while they went in search of a waggon to carry him on.
Just then the little Mouse happened to pass by,
and seeing the sad plight in which the lion was,
went up to him
and soon gnawed away the ropes
that bound the King of the Beasts.

สิงโตกับหนู

มีอยู่คราวหนึ่ง มีสิงโตตัวหนึ่งนอนหลับอยู่
ได้มีหนูเล็กๆ ตัวหนึ่ง วิ่งขึ้นวิ่งลงบนสิงโตตัวนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ในไม่ช้าไม่นานสิงโตก็ตื่นขึ้น
และได้ใช้อุ้งเท้าขนาดใหญ่ตะปบมันเอาไว้
พร้อมกับอ้าปากกว้างเตรียมที่จะกินหนูตัวนั้นลงไปในท้ิงของมัน
“อภัยให้ข้าพเจ้าด้วยเถิดท่านเจ้าป่า
หนูตัวเล็กกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัว
ยกโทษให้ข้าพเจ้าสักครั้ง
แล้วข้าพเจ้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย
ใครจะรู้ว่าสักวันหนึ่งข้าพเจ้าอาจตอบแทนท่านได้
สิงโตขำมาก เมื่อได้ฟังความคิดของหนู
ว่าสามารถจะช่วยตนได้
จึงยกอุ้งเท้าหน้า ออกเพื่อปล่อยหนูไป
หลังจากนั้นไม่นาน
สิงโตตัวนั้นได้บังเอิญไปติดกับดักของนายพรานเข้า
ฝ่ายนายพรานเห็นเข้าว่ามีสิงโตมาติดกับดักของตน
จึงช่วยกันจับสิงโตเพื่อที่จะนำไปถวายให้กับพระราชา
จึงช่วยกันผูกมันไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง
แล้วพวกเขาก็ไปหารถมาเพื่อบรรทุกสิงโตไป
ขณะนั้นเจ้าหนูน้อยตัวที่สิงโตปล่อยไปบังเอิญผ่านมา
และเห็นสิงโตถูกจับมัดเอาไว้
จึงเดินเข้าแล้วกัดแทะเชือก
ที่มัดราขาแห่งสัตว์ป่านั้นจนขาดออก
สิงโตตัวนั้นจึงหนีออกมาได้
 
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การสร้างกุศลในวันนี้ย่อมให้ผลดีในวันหน้า

The Wolf and the lamb (หมาป่ากับลูกแกะ)

One upon a time
a wolf was lopping at a spring on a hill side,
When, looking up,
What should he see but a lamb
just beginning to drink a little lower down.
There’s my supper,” thought he,
if only I can find some excuse to seize it.,”
Then he called out to the lamb,
How dare you muddle the water
from which I am drinking?”
Nay, master, nay,”
said lamb
if the water be muddy up there, I cannot be the cause of it,
for it runs down from you to me”
well, then,” said the Wolf,
Why did you call me bad names this time last year?
That cannot be,”
“said the lamb;
I am only six months old.”
I don’t care,”
snarled the wolf;
if it is not you,
it was your father;
and with that
He rushed upon the poor little Lamb
and ate her all up.

 หมาป่ากับลูกแกะ

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีหมาป่าตัวหนึ่งกำลังกินน้ำ ที่น้ำพุเข้าเนินเขา
เมื่อมันเงยหน้าขึ้นมามองดู
มันได้เห็นลูกแกะตัวหนึ่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
มันคิดในใจว่า
“นั่นมันคืออาหารมื้อเย็นของกูละ  มันคิดในใจ
“ถ้าเพียงแต่หาข้ออ้างบางอย่างได้หละก็ ก็จะจับมันมากินได้
คิดแล้วมันก็ตะโกนไปยังลูกแกะตัวนั้นว่า
“นี่แกกล้าดียังไงกัน ถึงมากวนน้ำ
ที่ข้ากำลังดื่มอยู่ให้ขุ่น
“เปล่าฉันเปล่ากวนนะ
ลูกแกะตัวน้อยตอบ
“ถ้าน้ำเหนือลำธารนั้นขุ่น มันก็ไม่ใช่เพราะฉัน
เนื่องจากมันไหลจากท่านลงมาหาฉัน
“เออ,ถ้างั้น  หมาป่าพูด
“วันนี้เมื่อปีกลายแกด่าข้าทำไม
มันเป็นอย่างนั้นไม่ได้หรอก
ลูกแกะกล่าวแย้ง
“ฉันเพิ่งเกิดมาได้หกเดือนเท่านั้นเอง
“ข้าไม่สนใจหรอก
หมาป่าพูดอย่างเกรี้ยวกราด
ถ้าไม่ใช่แก
มันก็คือพ่อของแกนั่นแหละที่ด่าข้า
แล้วมันก็วิ่งห้อเข้าตะครุบลูกแกะตัวน้อยผู้น่าสงสาร
แล้วก็กินมันหมดทั้งตัว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนชั่วที่มีอำนาจย่อมแพ้คนดีที่อ่อนแอเสมอ



The Man and the Wooden God (ชายคนหนึ่ง กับ รูปเทพเจ้าสลักด้วยไม้)

The Man and the Wooden God (ชายคนหนึ่ง กับ รูปเทพเจ้าสลักด้วยไม้)
In The old days
men used to worship stocks
and stones and idols,
and prayed to them to give them luck.
It happened that
a man had often prayed to a wooden idol
he received from his father,
but his luck never seemed to change..
He prayed and he prayed,
but still he remained as unlucky as ever.
One day in the greatest rage
He went to the Wooden God,
and with one blow
swept it down from its pedestal.
The idol broke in two,
and what did he see?
An immense number of coins flying all over the place.

ในสมัยโบราณ
คนเรามักจะทำการกราบไหว้บูชารูปปั้นดินเผา
หรือรูปแกะสลักหินหรือรูปภาพในศาลเจ้าต่างๆ
โดยอ้อนวอนให้เทพเจ้าเหล่านั้นประทานพรประทานความโชคดีแก่ตน
เรื่องมันมีอยู่ว่า
มีชายผู้หนึ่งมักจะสวดอ้อนวอนต่อรูปบูชาไม้
ซึ่งเขาได้รับตกทอดมาจากบิดา อยู่เสมอๆ
แต่โชคชะตาของเขาก็มิได้เปลี่ยนแปลงดีขึ้นแต่ประการใด
เขาสวดอ้อนวอนวันแล้ววันเล่า
แต่เขาก็ยังคงเป็นคนอับโชคอยู่ร่ำไป
วันหนึ่ง ด้วยความเดือดดาลเป็นที่สุด
เขาได้ย่างสามขุมเข้าไปหาเทพเจ้าไม้ของเขา
แล้วก็เอาท่อนไม้หวดอย่างแรงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ก็ทำให้มันล้มลงมาจากฐานที่ตั้ง
รูปบูชานั้นก็แตกหักออกเป็นสองท่อน
เขาเห็นอะไรรึ ?
มีเงินเหรียญจำนวนมากมาย ปลิวว่อนไปทั่วบริเวณนั้น


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การกราบไหว้บูชา พระอิฐพระปูนหรือรูปเคารพอื่นๆ
 คนสมัยใหม่บ้างเห็นว่า เป็นความโง่งมงาย
 แต่ความจริงแล้ว คนสมัยใหม่บางคนที่เป็นผู้กล่าวนั้นแหละที่เป็นคนโง่
 หาใช่ผู้ที่ทำการเคารพกราบไหว้ไม่
 พระพุทธรูป หรือรูปเคารพนั้น จะช่วยให้จิตใจเราเกิดสมาธิ
 และสมาธิจะช่วยทำให้เกิดปัญญา สามารถมองเห็นทางแก้ปัญหา
 ที่เรากำลังมีอยู่ได้ ดังที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ ว่า
 คนที่มีทุกข์ มักเข้าวัด เพื่อสงบสติอารมณ์ มิให้ฟุ้งซ่าน
 รูปเคารพต่างๆ นั้น ถ้ามีความงามทางศิลปะ จะช่วยให้เกิดศรัทธา
 และศรัทธาจะช่วยให้เกิดสมาธิได้เร็วขึ้น สมาธิจะช่วยให้เกิดปัญญา
 รูปเคารพที่มีลักษณะดุร้าย ก็ทำให้เกิดสมาธิได้เหมือนกัน
 เพราะความดุร้ายที่เห็นทำให้เกิด ความกลัว, ความกลัวทำให้เกิดสมาธิ แต่ความกลัวนี้
 ถ้ามีมากไปจะเป็นอันตรายแก่เด็ก และผู้ใหญ่ที่มีจิตใจอ่อน
 ด้วยเหตุนี้ คนทั่วไปในสมัยนี้จึงนิยมใช้รูปเคารพ
 ในฝ่ายความงดงามมากกว่า เพราะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใดเลย
 นิทานเรื่องนี้จะถือว่า มีเค้าจากความเป็นจริงอยู่ก็ได้ ปู่ ย่า ตา ยาย
 ที่ซ่อนสมบัติมีค่าไว้ในรูปเคารพนั้นมีอยู่จริง
 แม้ในปัจจุบันก็ยังมีอยู่ แต่ถ้าถือเป็นเรื่องเปรียบเทียบให้คิด ก็ได้เพราะรูปเคารพส่วนมาก
 จะเป็นฝ่ายงดงามหรือฝ่ายดุ ก็ตามเกิดจากงานศิลปะชั้นสูง
 จึงเป็นที่แสวงหาของคนทั่วไป ถ้าเรามีและต้องการขาย
 ก็จะได้ราคาสูง (เวลามีทุกข์ยาก ก็แก้จนได้)


บทความที่ได้รับความนิยม