The Man and the Wooden God (ชายคนหนึ่ง กับ รูปเทพเจ้าสลักด้วยไม้)

The Man and the Wooden God (ชายคนหนึ่ง กับ รูปเทพเจ้าสลักด้วยไม้)
In The old days
men used to worship stocks
and stones and idols,
and prayed to them to give them luck.
It happened that
a man had often prayed to a wooden idol
he received from his father,
but his luck never seemed to change..
He prayed and he prayed,
but still he remained as unlucky as ever.
One day in the greatest rage
He went to the Wooden God,
and with one blow
swept it down from its pedestal.
The idol broke in two,
and what did he see?
An immense number of coins flying all over the place.

ในสมัยโบราณ
คนเรามักจะทำการกราบไหว้บูชารูปปั้นดินเผา
หรือรูปแกะสลักหินหรือรูปภาพในศาลเจ้าต่างๆ
โดยอ้อนวอนให้เทพเจ้าเหล่านั้นประทานพรประทานความโชคดีแก่ตน
เรื่องมันมีอยู่ว่า
มีชายผู้หนึ่งมักจะสวดอ้อนวอนต่อรูปบูชาไม้
ซึ่งเขาได้รับตกทอดมาจากบิดา อยู่เสมอๆ
แต่โชคชะตาของเขาก็มิได้เปลี่ยนแปลงดีขึ้นแต่ประการใด
เขาสวดอ้อนวอนวันแล้ววันเล่า
แต่เขาก็ยังคงเป็นคนอับโชคอยู่ร่ำไป
วันหนึ่ง ด้วยความเดือดดาลเป็นที่สุด
เขาได้ย่างสามขุมเข้าไปหาเทพเจ้าไม้ของเขา
แล้วก็เอาท่อนไม้หวดอย่างแรงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ก็ทำให้มันล้มลงมาจากฐานที่ตั้ง
รูปบูชานั้นก็แตกหักออกเป็นสองท่อน
เขาเห็นอะไรรึ ?
มีเงินเหรียญจำนวนมากมาย ปลิวว่อนไปทั่วบริเวณนั้น


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การกราบไหว้บูชา พระอิฐพระปูนหรือรูปเคารพอื่นๆ
 คนสมัยใหม่บ้างเห็นว่า เป็นความโง่งมงาย
 แต่ความจริงแล้ว คนสมัยใหม่บางคนที่เป็นผู้กล่าวนั้นแหละที่เป็นคนโง่
 หาใช่ผู้ที่ทำการเคารพกราบไหว้ไม่
 พระพุทธรูป หรือรูปเคารพนั้น จะช่วยให้จิตใจเราเกิดสมาธิ
 และสมาธิจะช่วยทำให้เกิดปัญญา สามารถมองเห็นทางแก้ปัญหา
 ที่เรากำลังมีอยู่ได้ ดังที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ ว่า
 คนที่มีทุกข์ มักเข้าวัด เพื่อสงบสติอารมณ์ มิให้ฟุ้งซ่าน
 รูปเคารพต่างๆ นั้น ถ้ามีความงามทางศิลปะ จะช่วยให้เกิดศรัทธา
 และศรัทธาจะช่วยให้เกิดสมาธิได้เร็วขึ้น สมาธิจะช่วยให้เกิดปัญญา
 รูปเคารพที่มีลักษณะดุร้าย ก็ทำให้เกิดสมาธิได้เหมือนกัน
 เพราะความดุร้ายที่เห็นทำให้เกิด ความกลัว, ความกลัวทำให้เกิดสมาธิ แต่ความกลัวนี้
 ถ้ามีมากไปจะเป็นอันตรายแก่เด็ก และผู้ใหญ่ที่มีจิตใจอ่อน
 ด้วยเหตุนี้ คนทั่วไปในสมัยนี้จึงนิยมใช้รูปเคารพ
 ในฝ่ายความงดงามมากกว่า เพราะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใดเลย
 นิทานเรื่องนี้จะถือว่า มีเค้าจากความเป็นจริงอยู่ก็ได้ ปู่ ย่า ตา ยาย
 ที่ซ่อนสมบัติมีค่าไว้ในรูปเคารพนั้นมีอยู่จริง
 แม้ในปัจจุบันก็ยังมีอยู่ แต่ถ้าถือเป็นเรื่องเปรียบเทียบให้คิด ก็ได้เพราะรูปเคารพส่วนมาก
 จะเป็นฝ่ายงดงามหรือฝ่ายดุ ก็ตามเกิดจากงานศิลปะชั้นสูง
 จึงเป็นที่แสวงหาของคนทั่วไป ถ้าเรามีและต้องการขาย
 ก็จะได้ราคาสูง (เวลามีทุกข์ยาก ก็แก้จนได้)


บทความที่ได้รับความนิยม